กลุ่มเครือข่ายรักษ์บ้านเกิดลุ่มน้ำปากพนัง ซึ่งเป็นชาวประมง อ.หัวไทร ปากพนัง และ อ.ท่าศาลา ประมาณ 500 คน ชุมนุมประท้วงเรียกร้องให้ยกเลิกโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่ อ.หัวไทร ขณะที่บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ เมเนจเมนต์ จำกัด เข้าทำการศึกษาและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น บริเวณพื้นที่ที่มีศักยภาพสำหรับโครงการโรงไฟฟ้าเทคโนโลยีถ่านหินสะอาดใน อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช จนชาวบ้านออกมาต่อต้านและล้มเวทีมาแล้วเมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา
ต่อ มากลุ่มเครือข่ายรักษ์บ้านเกิดลุ่มน้ำปากพนัง นำโดยนายครองศักดิ์ แก้วสกุล ประธานเครือข่ายฯ ได้นำชาวบ้านออกมาชุมนุมประท้วงพร้อมปิดถนนถนนปากทางเข้าที่ว่าการอำเภอหัว ไทร จ.นครศรีธรรมราช เพื่อเรียกร้องให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตยกเลิกโครงการดังกล่าว โดยมีการเปิดเวทีปราศรัยโจมตีการไฟฟ้ารวมทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐที่สนับสนุน ให้มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน แสดงความไม่เห็นด้วยที่จะมาก่อสร้างในพื้นที่อ.หัวไทร เนื่องจากเป็นพื้นที่อู่จ้าวอู่น้ำและยังเป็นพื้นที่สำคัญที่พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาพระราชทานโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระ ราชดำริ ลงมาในพื้นที่จนทำให้ความเป็นอยู่ของชาวบ้านดีขึ้น
นอกจาก นี้ เครือข่ายทั้งหมดที่เข้ามาร่วมประกอบด้วยภาคการประมง ภาคการเกษตรกรรม ต่างๆ ได้ร่วมกันประกาศร่วมมือเป็นเครือข่ายปกป้องโครงการพระราชดำริลุ่มน้ำปาก พนัง ก่อนที่จะมีการกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ด้วยการเผาโลงศพจำลองประท้วงผู้ว่าการ ไฟฟ้าฝ่ายผลิตและรัฐบาล พร้อมมีการเผาโลงศพของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต และบริษัทที่เข้ามาศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม
หลังจากนั้นได้มีการออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1 มีใจความสำคัญว่าพื้นที่โครงการพระราชดำริไม่ได้มีพื้นที่สำหรับโครงการที่ เป็นอุตสาหกรรมมลพิษ เช่น โรงไฟฟ้าถ่านหิน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตรับทราบมานานแล้วว่าลุ่มน้ำปากพนังเป็นพื้นที่การพัฒนาตาม แนวพระราชดำริ
ทั้งนี้ยังฝ่าฝืนด้วยการตั้งทีมงานลงมาปลุกปั่น ยุยงมวลชน ด้วยวิธีการแจกของให้เงิน และผลประโยชน์ในรูปแบบอื่น ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมผิดหลักธรรมาภิบาล และยังมีความพยายามยิ่งขึ้นด้วยการว่าจ้างบริษัททีมคอนซัลติ้งแอนเอ็นจิเนีย ริ่ง มาจัดทำรายงานเพื่อนำไปสู่การขออนุมัติก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน โดยกระบวนการจัดทำ IEE ได้สิ้นสุดลงในวันที่ 19 ก.ย.56 แต่พลังการไม่เห็นด้วยของประชาชนทำให้กระบวนการทั้งหมดกลายเป็นโมฆะไปและผู้ แทนการไฟฟ้าฝ่ายผลิตและผู้แทนบริษัทที่ปรึกษาได้ลงนามว่าจะยกเลิกกระบวนการ ทั้งหมด แถลงการณ์ระบุ
อย่างไรก็ตามนายพงษ์ศักดิ์ คาระวานนท์ นายอำเภอหัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ได้มารับหนังสือของเครือข่ายและได้ชี้แจงว่าพร้อมที่จะเป็นตัวกลางของทุก ฝ่ายในการประสานงาน นายอำเภอจะต้องมีหน้าที่ในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในการชุมนุม และจะได้ส่งหนังสือข้อเรียกร้องของเครือข่ายไปยังจังหวัดไปตามขั้นตอนเพื่อ ไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ขณะที่ชาวบ้านระบุว่าเครือข่ายพร้อมที่จะยกระดับทันทีหากยังไม่ยกเลิก โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่ และทุกอย่างจะต้องสอบภามประชาชนว่าจะเอาหรือไม่เอาอย่างไร ส่วนความเคลื่อนไหวนั้นจะต้องมีการสอบถามและหารือกันอย่างเป็นระบบ
ต่อ มานายพงษ์ศักดิ์ คาระวานนท์ นายอำเภอหัวไทร ได้ขึ้นเวทีแจ้งกับกลุ่มผู้ชุมนุมอีกครั้งว่าทางกระทรวงพลังงาน ได้แจ้งว่าขอเวลา 60 วันในการพิจารณาข้อมูลและจะแจ้งมายังกลุ่มผู้ชุมนุมให้ทราบอย่างเป็นทางการ หลังจากนั้นปรากฏว่าผู้ชุมนุมพอใจและได้สลายตัวโดยนัดหมายมาฟังคำตอบใหม่อีก ครั้งเมื่อครบกำหนด 60 วัน
แหล่งข่าวจาก posttoday…