เครื่องบดน้ำแข็งทำให้น้ำแข็งใสง่ายขึ้นกว่าในอดีต

ประเทศไทยเราเป็นเมืองร้อน ส่งผลให้การทำกิจการ-การทำอาชีพขายไอศกรีมเครื่องบดน้ำแข็งได้รับการตอบรับดี และมีความเติบโตทางธุรกิจก้าวหน้าอย่างมาก รวมถึงมีความแปลกใหม่ให้ได้ลิ้มลองอยู่เสมอ ธุรกิจไอศกรีมในไทยมีทั้งแบบเดิมๆ รวมไปจนถึงการขยายช่องทางมาจากโรงงาน ไอศกรีมของบริษัทต่างชาติยักษ์ใหญ่ด้วยการขายแฟรนไชส์ไอศกรีม รวมทั้งยังมีไอศกรีมโฮมเมดในรูปแบบ และยี่ห้อต่างๆ และก็มีไอศกรีมที่สร้างสรรค์ขึ้นเองโดยคนไทย ด้วยรสชาติที่ถูกปากคนไทยอย่างเราๆ ประกอบกับยุคนี้ยังมีเครื่องผลิตไอศกรีมจำหน่ายอย่างแพร่หลาย ทำให้การทำไอศกรีมนั้นง่ายขึ้นกว่าในอดีต

แม้มองโดยทั่วไปจะดูเหมือนว่ากิจการไอศกรีมน่าจะถึงจุดอิ่มตัวแล้ว แต่ธุรกิจเครื่องบดน้ำแข็งนี้ยังมีช่องว่าง ยังพอมีทางให้เดินได้อีก ในขณะที่ทอปปิ้งก็ถือเป็นสีสันดึงดูดลูกค้าได้อีกทางหนึ่ง เพราะมีให้เลือกว่า 18 อย่าง เช่น ถั่วแดงบด ที่ลูกค้านิยมรับประทานคู่กับไอศกรีมรสชาเขียว เยลลี่ คิตแคท และมาร์ชเมลโล่ เป็นต้น แม้ในช่วงนี้สภาพเศรษฐกิจจะชะลอตัว ผู้ประกอบการต่างชะลอขยายธุรกิจ แต่ทางเรากลับมองอีกด้านว่าธุรกิจด้านอาหารการกิน ยังสามารถเติบโตได้ เพราะผู้บริโภคยังต้องกินต้องใช้ โดยพฤติกรรมจะเปลี่ยนไปคือ มีความระมัดระวังในการใช้จ่ายเงินมากขึ้น

ยอมรับว่าการแข่งขันในธุรกิจเครื่องบดน้ำแข็งนี้รุนแรงเหมือนกัน ส่วนมากก็จะทำให้แพงไว้ก่อน ดูหรูไว้ก่อน แต่ที่ร้านเน้นที่รสชาติ คุณ ภาพ และจำหน่ายในราคาสมเหตุสมผล ส่วนการทำตลาดในช่วงแรกจะใช้วิธีออกบูธไปยังพื้นที่ต่างๆเพื่อต้องการทราบการตอบรับของลูกค้าแต่ละพื้นที่ การทำไอศกรีมตระกูลนม อาทิ ไอศกรีมรสวานิลลาจะต้องมีส่วนประกอบ คือ หัวเชื้อวานิลลา 280 กรัม, นมพร่องมันเนยไขมันต่ำ 1 กก. และน้ำอุ่น 2,500 ซีซี โดยจะต้องนำน้ำอุ่นผสมกับหัวเชื้อก่อน ตามด้วยนม แล้วนำลงไปปั่นรวมกัน ซึ่งรอบๆเครื่องปั่นไอศกรีมนั้นจะต้องหล่อด้วยน้ำแข็งโรยเกลือ เพื่อกันไม่ให้น้ำแข็งละลาย ซึ่งใช้เวลาปั่นประมาณ 20 นาที